🔴อ.คลองขลุง ชาวบ้านหลายรายเดือดร้อนหนัก คนร้ายออกขโมยเครื่องสูบน้ำและสาลี่พ่วงท้ายหนีลอยนวล

🙏เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ”ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ม.11 บ้านเนินบ่อ ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร โดยไปพบกับ “นายเพชรไทย จันทร์หอม” ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ซึ่งมีลูกบ้านจำนวน 2 ราย เดินทางมาปรึกษาเพื่อหาหลักฐานเพื่อช่วยตำรวจตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี จากกรณีที่ “เครื่องยนต์ทางการเกษตรและรถสาลี่ขนของชาวบ้านหลายราย ได้ถูกคนร้ายขโมยไปจนทำให้เดือดร้อนหนักในการประกอบอาชีพ


📌หยิบยืมเพื่อนบ้านมาใช้ชั่วคราว ซึ่งช่วงนี้เกษตรกรมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องสูบน้ำเข้าและออกในพื้นที่ทำการเกษตรในฤดูเพาะปลูกของตนเอง โดยพฤติกรรมของคนร้ายจะจ้องขโมยเครื่องยนต์ทางการเกษตรที่ใช้สูบน้ำและรถสาลี่พ่วงท้ายขนของของชาวบ้านที่อยู่ต่างถิ่นและมาเช่าที่ดินประกอบอาชีพในหมู่บ้าน ซึ่งก็สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในพื้นที่ต่างละแวกระวังเฝ้าเครื่องกันตลอด 24 ชั่วโมง

📢 หากถูกขโมยไปก็จะลำบากเพราะต้องหาเงินไปซื้อใหม่ โดยคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนในพื้นที่และรู้ช่องทางหลบหนีเป็นอย่างดี ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่จะออกมาตั้งเครื่องสูบน้ำในช่วงฤดูนี้จำนวนมาก

🔊 โดย “นายสำรวย ศรีบุญเพ็ง อายุ 73 ปึ (อยู่บ้านเลขที่ 180/3 ม.1 ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร) ชาวบ้านอีกหมู่บ้านที่มีที่ดินปลูกนาข้าวในหมู่ที่ 11 ก็ได้ถูกคนร้ายขโมยเครื่องยนต์ทางการเกษตร ยี่ห้อยันม่าร์ มูลค่า 45,000 บาท และสาลี่พ่วงท้าย หนีหายลอยนวลนานกว่า 4 เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีเบาะแสวี่แววใดๆที่จะตามจับคนร้ายมาได้ ซึ่งก็ได้แจ้งความกับตำรวจตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.67 (วันเกิดเหตุ) โดยให้ข้อมูลว่าช่วงเวลา 01.00 น. ของวันเกิดเหตุ ตนยังไปเติมน้ำมันใส่เครื่องยนต์ตามปกติ แต่พอเวลา 05.00 น. กลับมาที่ทุ่งนาก็ไม่พบเครื่องยนต์ที่ตั้งสูบน้ำใส่นาข้าวแล้ว จึงรีบไปแจ้งความในช่วงสายของวันดังกล่าวเพื่อให้ตำรวจตามหาตัวคนร้ายแต่ก็ยังไร้วี่แวว ยิ่งทำให้คนร้ายย่ามใจก่อเหตุซ้ำรอยในหมู่บ้าน จนขณะนี้ชาวบ้านพากันหวาดกลัวว่าจะก่อเหตุอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถึงกับพากันนั่งนอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง

🔺️เช่นเดียวกับ “น.ส.วิภาวดี ทวีกูล“ อายุ 30 ปี ชาวบ้านต่างหมู่บ้านที่มาเช่าที่ดินทำการเกษตร (อยู่บ้านเลขที่ 256/1 ม.10 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร) ก็ได้ถูกคนร้ายขโมยเครื่องยนต์สูบน้ำ ยี่ห้อคูโบต้า มูลค่า 35,000 บาท และสาลี่พ่วงท้าย มูลค่า 10,000 บาท ไปเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 5 ก.ค.67 ที่ผ่านมาเหมือนกัน ซึ่งก็ได้ออกแกะรอยตามหาก็พบเพียงแต่ขวดน้ำที่ถูกโยนทิ้งระหว่างทาง และรอยล้อรถสาลี่ของตนตามถนนที่ไม่ผ่านหมู่บ้านคนที่มีกลัองวงจรปิดเลย ซึ่งก็รวบรวมหลักฐานที่มีส่งให้ตำรวจเพื่อให้ติดตามคนร้ายแต่ก็ยังไม่มีวี่แววแต่อย่างใด สัมภาษณ์ “นายเพชรไทย จันทร์หอม” ผู้ใหญ่บ้าน ม.11 บ้านเนินบ่อ เล่าว่า ” หลังจากเกิดเหตุติดต่อกันหลายราย ตนก็ได้ประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนในหมู่บ้านทั้งเสียงตามสายและกลุ่ม LINE ของหมู่บ้าน เพื่อให้เฝ้าระวังทรัพย์สินของตนเอง โดยไม่เคยมีการสูญหายหรือลักขโมยเครื่องสูบน้ำแบบนี้มานานกว่า 20 ปี เพิ่งจะมีช่วงนี้ที่มีคนร้ายออกขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านหนักหน่อย ซึ่งก็พยามจะประสานผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อดูกล้องวงจรปิดหาหลักฐานคนก่อเหตุมาช่วยตำรวจอีกทาง สัมภาษณ์♦️“นายสำรวย ศรีบุญเพ็ง อายุ 73 ปึ (ผู้เสียหาย) เล่าว่า “ ตนเองมาตั้งเครื่องสูบน้ำในนาประมาณ 11.00 น. ของวันเกิดเหตุ พอตกดึกตอนตี 1 ก็ยังมาเติมน้ำมันปกติ พอตี 5 กลับมาอีกทีก็ไม่พบเครื่องสูบน้ำและสาลี่พ่วงท้ายแล้ว โดยพฤติกรรมของคนร้ายจะใข้เส้นทางเลาะทุ่งนาห่างบ้านคน ซึ่งก็เดือดร้อนต้องหาซื้อสาลี่พ่วงท้ายใหม่ โชคดียังมีเครื่องสูบน้ำสำรองอีกเครื่องก็นำมาใช้แทนยังไม่ได้ซื้อใหม่ ตนอยากให้ตำรวจเร่งตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ♦️สัมภาษณ์ “น.ส.วิภาวดี ทวีกูล“ อายุ 30 ปี (ผู้เสียหาย เล่าว่า ”ตนเองได้มาตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากนาตั้งแต่ช่วงกลางวัน โดยตอนเย็นของวันเกิดเหตุก็ยังไม่หาย ตกกลางคืนเช้ามาก็ไม่พบเครื่องสูบน้ำแล้ว โดยคนร้ายขโมยไปพร้อมสาลี่พ่วงท้าย ซึ่งก็ได้ตามรอยรถก็พบว่ามีการนำของที่อยู่บนสาลี่กองทิ้งบนพื้นพร้อมขวดน้ำ โดยเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีอุปกรณ์ครบมือในการมาก่อเหตุซึ่งปกติเวลาดับเครื่องสูบน้ำตนจะเก็บสายพานและมือหมุนเครื่องไปด้วย ซึ่งก็คอยมาดูเป็นระยะ โดยคืนเกิดเหตุก็ดับเครื่องสูบน้ำไว้ ปรากฏว่าคนร้ายมีอุปกรณ์มาสตาร์ทและขับออกไปตามถนน โดยขณะนี้ยังไม่ได้ซื้อเครื่องสูบน้ำใหม่ต้องไปขอยืมของพี่ชายมาใช้ก่อน โดยอยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเพราะเดือดร้อนหนักมาก




